วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Moore’s Law

Moore’s Law

            Moore’s Law คือ กฎที่ถูกตั้งชื่อตาม Gordon E. Moore ผู้ก่อตั้ง Intel อธิบายแนวโน้มของการพัฒนาฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์ในระยะยาว ซึ่งได้ค้นพบในปี  1965 โดยมีหลักการคือ ความเร็วของ CPU จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทุก ๆ 2 ปี (จากเดิม 18 เดือน) โดยที่ราคาก็ยังลดลงครึ่งหนึ่ง และจะเป็นตามรูปแบบนี้ไปตลอด ซึ่ง Moore’s Law เปรียบเสมือนเป้าหมายในการพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ในปัจจุบันยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาเป็น Nanotechnology ที่เกิดจากการออกแบบเทคโนโลยีให้มีขนาดเล็กลงในหน่วยนาโน ทำให้ Integrated circuit (IC) ที่อยู่ใน CPU มีขนาดเล็กลงและมีความเร็วสูงขึ้น แต่ก็เพราะ Moore’s Law จึงทำให้เกิดข้อจำกัดขึ้นมาว่า ความเร็วมากขึ้นทำให้พลังงานมากขึ้น ดังนั้นความร้อนจึงสูงขึ้นถ้า Moore’s Law ยังเป็นจริงตามนี้จะทำให้ในปี 2020  CPU จะมีความร้อนเทียบเท่ากับความร้อนบนดวงอาทิตย์ แต่ในปัจจุบันนี้มีการออกแบบ CPU รูปแบบใหม่ ซึ่งก็คือ multi core ที่เป็นการใช้แก่น CPU หลาย ๆ ตัวเข้ามาช่วยประมวลผล แทนที่จะเป็นการใช้เพียงแค่ CPU ตัวเดียว จึงทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น



วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รหัสแทนข้อมูล

รหัส Ascll


รหัสแอสกี (ASCII) เป็นมาตรฐานที่นิยมใช้กันมากในระบบคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ เป็นคำย่อมาจาก American Standard Code Information Interchange เป็นรหัส 8 บิต แทนสัญลักษณ์ต่าง ๆ ได้ 256 ตัว  เมื่อใช้แทนตัวอักษรภาษาอังกฤษแล้ว ยังมีเหลืออยู่ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. ได้กำหนดรหัสภาษาไทยเพิ่มลงไปเพื่อให้ใช้งานร่วมกันได้ตามตาราง


รหัส UniCode

                 เป็นรหัสแบบใหม่ล่าสุด ถูกสร้างขึ้นมาเนื่องจากรหัสขนาด 8 บิตซึ่งมีรูปแบบเพียง 256  รูปแบบ ไม่สามารถแทนภาษาเขียนแบบต่าง ๆ ในโลกได้ครบหมด โดยเฉพาะภาษาที่เป็นภาษาภาพ เช่น ภาษาจีนหรือภาษาญี่ปุ่นเพียงภาษาเดียวก็มีจำนวนรูปแบบเกินกว่า 256 ตัวแล้ว
              UniCode จะเป็นระบบรหัสที่เป็น 16 บิต จึงแทนตัวอักษรได้มากถึง 65,536 ตัว ซึ่งเพียงพอสำหรับตัวอักษรและสัญลักษณ์กราฟฟิกโดยทั่วไป รวมทั้งสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ต่าง ๆ ในปัจจุบันระบบ UniCode มีใช้ในระบบปฏิบัติการ Window NT ระบบปฏิบัติการ UNIX  บางรุ่น รวมทั้งมีการสนับสนุนชนิดข้อมูลแบบ UniCode ในภาษา JAVA ด้วย





          ที่มา : http://jantima-ssp.exteen.com/20080212/entry-6



HNUNGRUTAI RITTHISANG แทนด้วยรหัส Ascll ดังนี้

H             0100       1000
N             0100       1110
U             0101       0101
N             0100       1110
G             0100       0111
R             0101       0010
U             0101       0101
T             0101       0100
A             0100       0001
I              0100       1001
SPACE (ช่องว่าง) = (0010 0000) 
R             0101       0010
I              0100       1001
T             0101       0100
T             0101       0100
H             0100       1000
I              0100       1001
S             0101       0011
A             0100       0001                                                                                 
N             0100       1110
G             0100       0111

ใช้พื้นที่จัดเก็บ 21 ไบต์



  

แบบทดสอบบทที่ 3 เรื่อง โครงสร้างและฟังก์ชันการทำงานภายในระบบคอมพิวเตอร์

แบบทดสอบบทที่ 3 เรื่อง โครงสร้างและฟังก์ชันการทำงานภายในระบบคอมพิวเตอร์คลิกที่นี่

วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

บิตตรวจสอบ

บิตตรวจสอบ (Parity Bit)
                ถึงแม้เลขฐานสองที่ใช้ในคอมพิวเตอร์มีอัตราความผิดพลาดต่ำ เพราะมีค่าความเป็นไปได้เพียง 0 หรือ 1 เท่านั้น แต่ก็อาจเกิดข้อบกพร่องขึ้นได้ภายในหน่วยความจำ ดังนั้น บิตตรวจสอบ หรือพาริตี้บิต จึงเป็นบิตที่เพิ่มเติมเข้ามาต่อท้ายอีก 1 บิต ซึ่งถือเป็นบิตพิเศษที่ใช้สำหรับตรวจสอบความแม่นยำและความถูกต้องของข้อมูลที่จะถูกจัดเก็บลงในคอมพิวเตอร์
                สำหรับบิตตรวจสอบ จะมีวิธีการตวจสอบอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ
1.   การตรวจสอบบิตภาวะคู่ (Even Parity)
2.   การตรวจสอบบิตภาวะคี่ (Odd Parity)