วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
Moore’s Law
Moore’s
Law
Moore’s
Law คือ กฎที่ถูกตั้งชื่อตาม Gordon E. Moore ผู้ก่อตั้ง
Intel อธิบายแนวโน้มของการพัฒนาฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์ในระยะยาว ซึ่งได้ค้นพบในปี 1965 โดยมีหลักการคือ ความเร็วของ CPU
จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในทุก ๆ 2 ปี (จากเดิม 18 เดือน)
โดยที่ราคาก็ยังลดลงครึ่งหนึ่ง และจะเป็นตามรูปแบบนี้ไปตลอด ซึ่ง Moore’s
Law เปรียบเสมือนเป้าหมายในการพัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ในปัจจุบันยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาเป็น Nanotechnology ที่เกิดจากการออกแบบเทคโนโลยีให้มีขนาดเล็กลงในหน่วยนาโน ทำให้ Integrated
circuit (IC) ที่อยู่ใน CPU มีขนาดเล็กลงและมีความเร็วสูงขึ้น
แต่ก็เพราะ Moore’s Law จึงทำให้เกิดข้อจำกัดขึ้นมาว่า “ความเร็วมากขึ้นทำให้พลังงานมากขึ้น ดังนั้นความร้อนจึงสูงขึ้น” ถ้า Moore’s Law ยังเป็นจริงตามนี้จะทำให้ในปี 2020
CPU จะมีความร้อนเทียบเท่ากับความร้อนบนดวงอาทิตย์
แต่ในปัจจุบันนี้มีการออกแบบ CPU รูปแบบใหม่ ซึ่งก็คือ multi
core ที่เป็นการใช้แก่น CPU หลาย ๆ
ตัวเข้ามาช่วยประมวลผล แทนที่จะเป็นการใช้เพียงแค่ CPU ตัวเดียว
จึงทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้น
วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
รหัสแทนข้อมูล
รหัส Ascll
รหัสแอสกี (ASCII) เป็นมาตรฐานที่นิยมใช้กันมากในระบบคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่
เป็นคำย่อมาจาก American Standard Code Information Interchange เป็นรหัส 8 บิต แทนสัญลักษณ์ต่าง ๆ ได้ 256 ตัว
เมื่อใช้แทนตัวอักษรภาษาอังกฤษแล้ว ยังมีเหลืออยู่ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. ได้กำหนดรหัสภาษาไทยเพิ่มลงไปเพื่อให้ใช้งานร่วมกันได้ตามตาราง
รหัส
UniCode
เป็นรหัสแบบใหม่ล่าสุด
ถูกสร้างขึ้นมาเนื่องจากรหัสขนาด 8 บิตซึ่งมีรูปแบบเพียง 256 รูปแบบ ไม่สามารถแทนภาษาเขียนแบบต่าง ๆ
ในโลกได้ครบหมด โดยเฉพาะภาษาที่เป็นภาษาภาพ เช่น
ภาษาจีนหรือภาษาญี่ปุ่นเพียงภาษาเดียวก็มีจำนวนรูปแบบเกินกว่า 256 ตัวแล้ว
UniCode จะเป็นระบบรหัสที่เป็น 16 บิต จึงแทนตัวอักษรได้มากถึง 65,536 ตัว ซึ่งเพียงพอสำหรับตัวอักษรและสัญลักษณ์กราฟฟิกโดยทั่วไป รวมทั้งสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ต่าง ๆ ในปัจจุบันระบบ UniCode มีใช้ในระบบปฏิบัติการ Window NT ระบบปฏิบัติการ UNIX บางรุ่น รวมทั้งมีการสนับสนุนชนิดข้อมูลแบบ UniCode ในภาษา JAVA ด้วย
UniCode จะเป็นระบบรหัสที่เป็น 16 บิต จึงแทนตัวอักษรได้มากถึง 65,536 ตัว ซึ่งเพียงพอสำหรับตัวอักษรและสัญลักษณ์กราฟฟิกโดยทั่วไป รวมทั้งสัญลักษณ์ทางคณิตศาสตร์ต่าง ๆ ในปัจจุบันระบบ UniCode มีใช้ในระบบปฏิบัติการ Window NT ระบบปฏิบัติการ UNIX บางรุ่น รวมทั้งมีการสนับสนุนชนิดข้อมูลแบบ UniCode ในภาษา JAVA ด้วย
HNUNGRUTAI RITTHISANG แทนด้วยรหัส Ascll ดังนี้
H 0100 1000
N 0100 1110
U 0101 0101
N 0100 1110
G 0100 0111
R 0101 0010
U 0101 0101
T 0101 0100
A 0100 0001
I 0100 1001
SPACE (ช่องว่าง) = (0010 0000)
R 0101 0010
I 0100 1001
T 0101 0100
T 0101 0100
H 0100 1000
I 0100 1001
S 0101 0011
A 0100 0001
N 0100 1110
G 0100 0111
แบบทดสอบบทที่ 3 เรื่อง โครงสร้างและฟังก์ชันการทำงานภายในระบบคอมพิวเตอร์
แบบทดสอบบทที่ 3 เรื่อง โครงสร้างและฟังก์ชันการทำงานภายในระบบคอมพิวเตอร์คลิกที่นี่
วันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
บิตตรวจสอบ
บิตตรวจสอบ (Parity Bit)
ถึงแม้เลขฐานสองที่ใช้ในคอมพิวเตอร์มีอัตราความผิดพลาดต่ำ เพราะมีค่าความเป็นไปได้เพียง 0 หรือ 1 เท่านั้น แต่ก็อาจเกิดข้อบกพร่องขึ้นได้ภายในหน่วยความจำ ดังนั้น บิตตรวจสอบ หรือพาริตี้บิต จึงเป็นบิตที่เพิ่มเติมเข้ามาต่อท้ายอีก 1 บิต ซึ่งถือเป็นบิตพิเศษที่ใช้สำหรับตรวจสอบความแม่นยำและความถูกต้องของข้อมูลที่จะถูกจัดเก็บลงในคอมพิวเตอร์
สำหรับบิตตรวจสอบ จะมีวิธีการตวจสอบอยู่ 2 วิธีด้วยกัน คือ
1. การตรวจสอบบิตภาวะคู่ (Even Parity)
2. การตรวจสอบบิตภาวะคี่ (Odd Parity)
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)




